บทที่ 13: บทโลกแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ (聖剣世界編)
เว็บตอนที่: 574 – 635 (รวม 52 ตอน)
ปฐมบท
เมื่อ 16,000 ปีก่อน โลกแห่งดาบศักดิ์สิทธ์ ไฮโฟเรีย ในโลกที่มีสายรุ้งสีขาวเป็นสะพานนำพาไปสู่ชะตากรรม ราชา ออร์ดอฟ เฮนเรียล ผู้ครองดาบเอวานส์มานา เดินทางผ่านสายรุ้งสีขาวยังที่ถ้ำน้ำแข็งที่สร้างจากพลังของ ไอแซค ครึ่งเทพ-มาร จากโลกหายนะได้มายังที่นี่ ราชาได้สนทนากับ จอมมารลำดับที่ 1 อามุล และสหาย โนอา ก่อนที่ ลูกชายทั้งสอง เลบราฮาร์ด และ บาร์ซาลอนด์ มาห้าม แต่ไม่เสร็จ ก่อนไปเขาฝากเรื่องสำคัญ ถึงความผิดปกติของโลกต่างๆ ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นจนเหมือนโลกชั้นในอยู่เบื้องหลัง แล้วห้ามลูกชายไปเกี่ยวข้องกับทางสมาพันธ์ พาโบลเฮทารา
* ความหมายคำว่า “จอมมาร” ในทะเลศักดิ์สิทธิ์ จะต่างจากโลกมิริเทีย โดยมี มหาจอมมาร เซเนีย เป็นชื่อของผู้ยิ่งใหญ่ที่ครองโลกชั้นในได้ถึง 12 โลก มีผู้รอสืบทอดตำแหน่งอีก 6 คนที่ถูกเรียกว่า จอมมารลำดับที่ 1-6 (ถึงบทที่ 13 มีพูดถึงแค่ลำดับที่ 1 และ 3)
เนื้อเรื่อง
อานอสได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตของพ่อบ้านรอนครูซ อีกครั้ง มีคำถามหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องที่แม่มาที่โลกอีเลเนเซียเมื่อ 14,000 ปีก่อน ทั้งที่เทพมิริเทียเคยอยู่บนโลกกว่า 700 ล้านปี จึงคาดว่าอาจมีความแตกต่างด้านเวลา
ในหอประชุมที่สาม มีการรวมท็อป 5 ในปัจจุบันขึ้นเวทีพูด จาก โลกแห่งฝัน ฟอลฟอรัล ที่ดับสูญไป อันดับของกลุ่ม 6 พันธมิตร เซยโจโรคุอิน มีการเปลี่ยนแปลง
- โลกแห่งกระสุนมนตรา อีเลเนเซีย
- โลกแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ ไฮโฟเรีย
- โลกแห่งช่างตีเหล็ก เบอร์ดี้เลอร์
- โลกแห่งหุ่นเชิด ลูเซนท์ฟอล์ท
- โลกแห่งหายนะ อีวานเซโน
ผลงานจากการจับตัวคนร้ายที่ทำลายโลกแห่งฝัน ทำให้ โลกแห่งการเกิดใหม่ มิริเทีย ถูกเพิ่มอันดับจาก 18 เป็นอันดับ 6 เชิญให้เข้าร่วมกลุ่ม แต่มีเสียงคัดค้านจำนวนมาก เพราะโลกมิริเทียไม่มีพระเจ้า
อานอส ตอบรับคำในการแข่ง โชกิของลุ่มน้ำสีเงิน ต้องสู้กับ 169 โรงเรียนพันธมิตรที่คัดค้าน หลังอธิบายวิธีเล่น จึงเริ่มเข้าไปแข่งในกระดานโชกิ ที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์โจมตีได้
ระหว่างแข่งโชกิ ฝ่ายอานอสถูกต้อนจนมุม จนเขาเริ่มใช้ท่าไม้ตายสูงสุด กิริเอเลียม นาวิเอม (เจ็ดก้าวพิชิตนิพพาน) ซึ่งไม่นับเป็นเวทโจมตี เพียงก้าวที่ 4 ทำให้พวกคู่ต่อสู้สาหัส จนไม่สามารถสู้ต่อได้ อีกฝ่ายยอมแพ้ไป
* พวกอานอสได้เห็นเวท ดรัม (ผนึกขั้นสูง) เสริมพลังเวททั่วไปให้กลายเป็นขั้นสูง โดยไม่ต้องใช้แหล่งพลังงานน้ำค้างเพลิงที่มีเฉพาะในโลกชั้นใน ซึ่งพวกของอานอสส่วนใหญ่ใช้เวทนี้ได้ในบทที่ 13 รวมถึงพวกใช้ดาบจะพัฒนาเป็น “การโจมตีขั้นสูง”
ในอดีต โลกแห่งน้ำสีเงิน ริสเทเรีย (พาโบลเฮทารา) เคยอยู่ถึงชั้นที่ 99 เข้าใกล้ใจกลางของทะเลศักดิ์สิทธิ์ แต่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เอลมิเด พระเจ้าของโลกเกิดคลั่ง จนโลกดับสลาย พระเจ้าองค์เดิมหายไป
โลกแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ เสียสายรุ้งที่ชี้นำราชาศักดิ์สิทธิ์องค์ใหม่ไป โดยผู้ขโมยไป คือ พระเจ้า เอลมิเด
* มหาจอมมาร เซเนีย เป็นคนเดียวที่เคยเข้าไปลึกกว่าชั้น 99 และเป็นคนเดียวที่ใช้ เวทขุมนรก ได้ (เวทขั้นสูงสุด)
ครึ่งเทพ-มารของโลกแห่งหายนะ ไอแซค ตื่นจากการจำศีล มาเยือนถึงที่ ตามหาอดีตราชา ออร์ดอฟ ตามคำสัญญาที่ให้ไว้ มีการปะทะกับอานอสเล็กน้อย ไอแซค ให้เวลา 3 วัน ไม่เช่นนั้นจะบุกโลกแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากละเมิดสนธิสัญญาสงบศึก ทำให้ โลกแห่งหายนะ อีเวเซโน ถูกปลดจากกลุ่ม เซยโจโรคุอิน ทันที
* ไอแซค พูดถึงชื่อจอมมารลำดับที่ 3 เฮสโทเนีย ผู้ที่สามารถใช้เวทชั้นสูงได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานน้ำค้างเพลิงเป็นแหล่งพลังงาน
บาร์ซาลอนด์ ให้คำแนะนำ เรย์ เรื่องดาบอีวานส์มานา ที่จำเป็นในการปะทะกับพวกโลกแห่งหายนะ แต่ดาบกำลังขึ้นสนิม ไม่ได้มีพลังเหมือนอดีต จึงไปหา เบลามี่ (ผู้สร้างดาบเอวานส์มานา) แม่มดโลกช่างตีดาบ แต่เธอที่แก่ชราไม่สามารถใช้ค้อนตีเหล็กได้เหมือนเมื่อก่อน ให้ไปหาศิษย์เอกแทน
ที่โลกแห่งช่างตีดาบ ด้าน ชิน พบ เด็กผู้ชายที่ชื่อ จิล มาขโมยอาหารบนรถไฟจอมมาร หลังได้พูดคุยกันเรื่องดาบ จึงเผยร่างจริงว่าเป็นผู้หญิง ชื่อ ซิลค์ ช่างตีดาบลูกศิษย์ของ เบลามี่ ที่ต้องการออกจากโลกของตน จึงให้เธอช่วยเรื่อง ดาบเอวานส์มานา ซิลค์ พยายามช่วยเสริมพลังดาบเอวานส์มานาให้ เรย์ ระหว่างตีดาบ ดิโอนาเทค ภูตแห่งชีวิตที่สถิตในดาบ ได้ชี้นำเส้นทางให้ไปที่แห่งหนึ่ง
รถไฟจอมมาร ตามปลายทางสายรุ้งสีขาวที่ออกมาจากดาบ มุ่งหน้าไปในโลกที่เหมือนใกล้ดับสลาย พบอดีตราชาที่ถูกขังอยู่ บาร์ซาลอนด์พยายามรักษาพ่อ แต่ไม่ได้ผล เพราะเขาบาดเจ็บระดับรากเหง้าจากรอยกระสุนเวท ซึ่งอาจเป็นเวทเฉพาะของ จิจิ เจนส์ ผู้นำของดาวอีเลเนเซีย
สภาพร่างกายย่ำแย่ของอดีตราชา มองเห็น เรย์ เป็นราชาเลบราฮาล์ด บุตรคนโตของตน เขาย้อนภาพอดีตตอนสัญญากับไอแซค เรื่องที่เขาจะหาสายรุ้งที่แท้จริง ซึ่งชี้นำโลกแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ไปในทางที่ถูกต้อง ไอแซคจึงยอมที่จะรอให้ถึงวันนั้นแล้วจำศีลมาตลอด
ออร์ดอฟ อดีตราชาฝากฝัง เรย์ (ตอบรับเหมือนเป็นเลบราฮาล์ด) ให้สานต่อเป้าหมายของเขา จากนั้น เรย์ ให้พาอดีตราชาไปที่โลก มิริเทีย แม้ว่าเขาจะตายแต่ยังใช้เวทเกิดใหม่ได้ จึงเดินทางไปแจ้งเรื่องไฮโฟเรีย ก่อนไปโลกมิริเทีย ภายในปราสาท เดลโซเกต มีการปรึกษาพวกจตุเทพ ก่อนใช้เวทซิลิก้า แล้วมุ่งหน้าไปหยุดการรบ พวกอานอสวางแผนจะหยุด “ความกระหายในหายนะ” ที่อยู่ในก้นบึ้งของโลกหายนะ เพื่อหยุดความกระหายของเหล่าอสูรมายาลง
โลกหายนะ บุกโจมตี โลกดาบศักดิ์สิทธิ์ มียานของอีเลเนเซียมาสมทบฝั่งไฮโฟเรีย, พวกบาร์ซาลอนด์ ให้ทั้งสองฝ่ายสงบศึกแต่ไม่สำเร็จ จนต้องเข้าร่วมสงครามกลายเป็นศึก 3 ด้าน ในขณะที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ เลบราฮาล์ด ต้องการชิงดาบ เอวานส์มานา จากเรย์ จึงส่งลูกน้องไป
- มิสะ (ร่างอาวอส) ปะทะ นากา อาเซนอน ผู้นำของโลกหายนะ ซึ่ง นากา สัมผัสได้ว่าพลังเหมือนอานอส เพราะเธอถือกำเนิดจากเรื่องเล่าของจอมมารตัวปลอม จึงใช้พลังแบบอานอสได้ แต่พลังไม่มากพอที่จะชนะคู่ต่อสู้ จนจำลอง ดาบเอวานส์มานา ขึ้นมาเสมือนของจริงทุกประการ และตัดขาราชสีห์ข้างซ้ายอีกฝ่ายได้ (บทก่อน เรย์ เคยฟันขาขวา แต่ไม่ขาด)
- ชิน ปะทะกับ การ์นเซสต์ หนึ่งในห้านักบุญ นักดาบที่เก่งสุดของไฮโฟเรีย ชิน ชนะได้จากการใช้เทคนิคดึงพลังแฝงของดาบ
- มีชา และ ซาชา ปะทะกับ มาร์ควิส เลกเฮม หนึ่งในห้านักบุญ ถูกขวางไม่ให้ใช้ตะวันแห่งการทำลายล้างโดยยานของอีเลเนเซียอยู่บนฟ้า จนมีชาเรียกใช้เวทชั้นสูงร่วมกับซาชา ผนึกอีกฝ่ายในน้ำแข็งได้สำเร็จ
- เบลามี่, เอเลโอนอร์, เซเซีย, เอนเนโซเน ปะทะ บอนโบกะ อาเซนอน ฝ่ายแม่มดเบลามี่เสียเปรียบคู่ต่อสู้ที่มีพลังแขนของราชสีห์วินาศแห่งอาเซนอน จนวางแผนใช้ตุ๊กตาฟางของพาร์ริงตัน (จากบทที่ 12) แล้วใส่เส้นผมของบอนโบกะ ให้พวกเซเซียควบคุมอีกฝ่ายที่โดนคำสาปจากตุ๊กตาฟาง จนจับตัวไว้ได้ (ระหว่างสู้ เซเซีย ได้รับการอัพเกรดดาบเล่มเดิม และ เอเลโอนอร์ ได้ดาบเล่มใหม่)
ฝั่ง อานอส ปะทะกับ ไอแซค เวทส่วนใหญ่ไม่สามารถเอาชนะระเบียบแห่งการเยือกแข็งได้ จึงปลดปล่อยพลังจาก กิริเอเลียม นาวิเอม (เจ็ดก้าวพิชิตนิพพาน) ใช้เป็นแหล่งพลังงานในการร่ายเวทมนตร์ขั้นสูง จนถึงก้าวที่ 4 ไอแซคขัดขวางด้วยเวทเยือกแข็งสีฟ้า ชิลเวียลา เอบิออน บัลมูอาเด (ผืนหิมะคุกเยือกแข็งหายนะ) ไอเย็นที่สามารถแช่แข็งได้ทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเวท กาลเวลา กฎระเบียบ หรือ รากเหง้า เวลาจะหยุดนิ่งเมื่อสัมผัสไอเย็นของเวท จนแช่แข็งอานอสไว้ แต่การปิดกั้นอนาคตไม่สามารถขัดขวางผลของเวทที่ดึงพลังจากอดีตมา อานอส จึงใช้ก้าวที่ 5 ต่อพร้อมปลดปล่อยเวทสายฟ้าสีม่วงขั้นสูง ลาเวียส กิลก์ กัลวาริเซ็น ยิงพลังตอบโต้ ผลการปะทะพลังสะเทือนไปทั่วทั้งโลก
ระหว่างยังไม่รู้ผลการต่อสู้ เทพเจ้าของไฮโฟเรีย เอลฟี่ ใช้พลังสายรุ้งสีขาว หยุดอานอสและไอแซคไว้
ฝ่ายโลกแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ยังคงโจมตีต่อ พวกเรย์จึงถ่วงเวลาไว้ จนกลุ่ม เอลด์เมด, ฟาริส และนักเรียน ใช้ปราสาทลอยฟ้า เซลิด ฮาเวนัส มาช่วย หลังการปะทะ พวก เอลด์เมด ทำลายยานของโลกดาบศักดิ์สิทธิ์ลงได้ลำหนึ่ง จนพุ่งลงไปยังก้นบึ้งของดาวหายนะ
ด้านเรย์, บาร์ซาลอนด์ และ อาร์คานา ต้องปะทะกับไอแซคที่ไม่ฟัง เรย์ใช้ท่าโดยผสม 6 รากเหง้ารวมกับดาบเอวานส์มานาโจมตี ด้วยท่าดาบสายรุ้ง พอกดดันอีกฝ่ายได้บ้าง แต่ไม่สามารถหยุดอีกฝ่ายได้ เมื่อเรย์พูดเรื่องที่เขาจะเปลี่ยนแปลงไฮโฟเรีย สัญญาด้วยเวทว่า “ตนจะขึ้นเป็นราชาคนต่อไปของโลกแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์” เพราะเขาถูกเลือกจากดาบเอวานส์มานาให้เป็นราชาคนต่อไป ทำให้ไอแซคหัวเราะกับความตั้งใจนั้น แล้วสงบลง
ด้านอานอส จมพร้อมยานลงไปในก้นบึ้งดาวหายนะพร้อมกับเทพ เอลฟี่ และพวกโลกแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างสู้กันต่อ ได้เห็นสายรุ้งที่ซ่อนในก้นบึ้ง ปลายทางของสายรุ้งได้พบสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ซึ่งมีหุ่นเทพประดิษฐ์จำนวนมาก แล้วพบ เอลมิเด อดีตพระเจ้าของโลกแห่งน้ำสีเงิน ริสเทเรีย (พาโบลเฮทารา) ที่รู้จักอดีตชาติของอานอส เรียกเขาว่า “จอมมาร” แล้วยังบอกว่าอานอสอ่อนแอลงกว่าเมื่อชาติก่อน การโจมตีของอานอสทุกแบบรวมถึงท่า 7 ก้าว & สายฟ้าสีม่วงก็ไร้ผล จนอีกฝ่ายถอยไป
หลังทุกอย่างสงบ ที่ปราสาทเดลโซเกต จตุเทพให้คุยกับอดีตราชา ออร์ดอฟ ก่อนที่จะเกิดใหม่ ทั้ง แม่มดเบลลามี่, พวกกลุ่มโลกดาบศักดิ์สิทธิ์ มาเคารพอดีตราชา ยกเว้นราชาองค์ปัจจุบัน เลบราฮาร์ด กลับไม่มา สุดท้าย ไอแซค ได้มาอำลา และจะรอการเกิดใหม่ของเขา ก่อนที่เขาจะสลายไป
ปัจฉิมบท
ตอนค่ำ เรย์ได้คุยกับบาร์ซาลอนด์ ที่ปราสาทเดลโซเกต ซึ่งยังไม่เข้าใจความต้องการของพ่อ, รอพ่อเกิดใหม่, คุยเรื่องตอนเด็กระหว่างเขากับพี่ สุดท้าย บาร์ซาลอนด์ ตั้งข้อสงสัยถึง เลบราฮาร์ด พี่ชายตนเองในปัจจุบัน ที่ต่างจากเดิมไปเหมือนเป็นคนละคนที่เขาเคยรู้จัก
<< บทที่ 12: บทโลกแห่งหายนะ | หน้ารวมข้อมูล | บทที่ 14: บทโลกแห่งกระสุนมนตรา >> |